วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ

ในระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2565 พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ตามคำเชิญของ พลโท Melvyn Ong Su Kiat ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไป กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ในการนี้ได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ เข้าเยี่ยมคำนับ และหารือข้อราชการ กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดผ่านกิจกรรมด้านต่าง ๆ ร่วมกัน โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวชื่นชม การพัฒนากองทัพสิงคโปร์ ที่ได้จัดตั้งหน่วย Digital Intelligence Services (DIS) โดยเป็นหน่วยงานในระดับกองทัพที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งจะนำกองทัพสิงคโปร์ไปสู่ การเป็น Digital Forces ต่อไป
หลังจากนั้น ได้เข้าเยี่ยมคำนับและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงที่สำคัญในภูมิภาค กับ ดร. Ng Eng Hen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิงคโปร์ โดยได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีการสถาปนาความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานถึง 57 ปี สำหรับการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ในครั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะได้เยี่ยมชมหน่วยงานสำคัญระดับนานาชาติของสิงคโปร์ ซึ่งมีนายทหารจากนานาชาติมาร่วมปฏิบัติงานรวมทั้งจากประเทศไทย ณ Changi Naval Base จำนวน 3 หน่วย ประกอบด้วย ศูนย์ Counter Terrorism Infomation Center (CTIF) ซึ่งเป็นศูนย์ประสานและดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการก่อการร้าย, ศูนย์ Regional HADR Coordination Center (RHCC) ซึ่งเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยที่จะประสานความช่วยเหลือระหว่างกองทัพต่างประเทศกับกองทัพประเทศที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ และศูนย์ Information Fusion Center (IFC) ซึ่งเป็นศูนย์ความร่วมมือด้านการข่าวต่อภัยคุกคามทางทะเล ทั้งนี้ การเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ระหว่างทั้งสองกองทัพ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือในด้านการทหารที่มีความมั่นคงและเป็นปึกแผ่นในภูมิภาคอาเซียนต่อไป

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565

ผบ.นทพ.ร่วมรำลึกทหารผ่านศึกประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์​ ที่เสียขีวิตจากสงครามโลกครั้งที่​ 2

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2565​ พลเอกจีรัชญ์ บุญชญา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา​(ผบ.นทพ.)เดินทางำปเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวัน ANZAC Day ประจำปี 2565​ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกทหารผ่านศึกประจำชาติออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (เชลยศึก)ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีพลตรี ชูศักดิ์ ธีรากิจ ผอ.สทพ.นทพ. และ พันเอก ชิตพล แก้วพรหมผอ.กกส.สทพ.นทพ ให้การต้อนรับ​ ที่ศูนย์ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาด ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

60​ ปี​ วันสถาปนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา นักรบสีน้ำเงิน​

"จงรักภักดี ปฏิบัติตนดี ปฏิบัติงานดี เพื่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน" นโยบาย​ ผบ.ทหารสูงสุด
วันที่​ 10 เมษายน เป็นวันคล้ายวันสถาปนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา​(นทพ.)​ กองบัญชาการกองทัพไทย นทพ.ชื่อเดิมคือ กองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (กรป.กลาง) ก่อตั้งตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2505 ในสมัย ฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีความมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหลักของกองทัพและรัฐบาล ในการขจัดปัญหาความยากจน รวมทั้งขจัดเงื่อนไขที่นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมอันเกิดจากลัทธิคอมมิวนิสต์
กรป.กลาง ปฏิบัติงานในพื้นที่อันตรายภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมิติด้านความมั่นคงได้เปลี่ยนไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงได้เปลี่ยนชื่อหน่วย เป็น "หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา" หรือ นทพ.เมื่อปี 2540 นทพ.ถือเป็นหน่วยงานหลักของกองทัพไทยที่สนับสนุนภารกิจการพัฒนาประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส โดยดำเนินงานพัฒนาตาม 8 แผนงานหลัก คือ แผนงานสร้างเส้นทางคมนาคม แผนงานส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ แผนงานพัฒนาชุมชนและสาธารณูปการ แผนงานการสาธารณสุข แผนงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แผนงานการประชาสัมพันธ์และจิตวิทยา แผนงานสังคมสงเคราะห์และอื่นๆ
8 แผนงานดังกล่าว เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาตามแนวชายแดน หรือในพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง เพื่อให้ประชาชนเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ไม่ละทิ้งถิ่นฐาน มีความกินดีอยู่ดี มีภูมิคุ้มกันที่ดีนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของชุมชนและสังคมต่อไป หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ยังได้ร่วมแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติตามนโยบายรัฐบาล เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยยึดมั่นและดำรงการให้ความสำคัญสูงสุดในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนงานตามโครงการพระราชดำริ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างเต็มขีดความสามารถ และขยายผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
ปัจจุบัน​ พลเอก​ จีรัชญ์ บุญชญา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แปลงนโยบายของ พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบ โดย ดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการบริจาคโลหิต “2.8 ล้านมิลลิลิตร สู้โควิด นทพ.” ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
การพัฒนาคลองตาอูฐ และคลองลำผักชี ในเขตหลักสี่​ กรุงเทพมหานคร การพัฒนาคลองแม่ข่า จ.เชียงใหม่ โครงการจิตอาสา “กิ่งพันธุ์ ปันสุข” แจกจ่ายพันธ์ไม้ผล ไม้ประดับ ให้กับประชาชน ณ จุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่
และสงกรานต์ การจัดตลาดนัดโค ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน
การบรรเทาสาธารณภัย ทั้งในด้านการป้องกัน การลดผลกระทบ และการเตรียมความพร้อม ซึ่งประชาชนเกิดความเชื่อมั่น นทพ. ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุสาธารณภัยต่างๆ โครงการ 1 นพค. 1 ฟาร์ม 1 โรงเรียน 1 ชุมชน เพื่อเป็นการพัฒนาหน่วย พัฒนากำลังพล และพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนรอบพื้นที่ตั้งของหน่วยให้สอดคล้องกับแผนงานหลักในการปฏิบัติงาน
โครงการครอบครัวเดียวกัน “1 ปีนี้ เราไม่อ้วน” เป็นกิจกรรมดูแลสุขภาพกำลังพล นทพ. ที่ต้องการให้กำลังพลมีสุขภาพร่างกายที่ดีพร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน 

โครงการจัดทำแผนพัฒนาและฟื้นฟูคลองพระพิมล โดยร่วมกับส่วนราชการอื่นๆ อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน จังหวัดนนทบุรี และภาคีเครือข่าย โดยมีแผนการพัฒนา 4 แผน ได้แก่ แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในลำคลอง, แผนการส่งเสริมและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม, แผนการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา มีหน้าที่ประสานการปฏิบัติในภาพรวมด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงนิเวศน์, กิจกรรมสร้างกลุ่มอาชีพ, กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, กิจกรรมพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมปลูกจิตสำนึก และการมีส่วนร่วม
โครงการ “กาแฟศิลาเพชร” หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ซึ่งได้เข้าไปพัฒนาพื้นที่ตำบลชายแดน ในหลายปีที่ผ่าน พบว่าประชาชนนิยมปลูกกาแฟในจังหวัดน่าน โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 สำนักงานพัฒนาภาค 3 ได้ริเริ่ม “โครงการฟาร์มตัวอย่าง” ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟในราคากลางแล้วนำมาผลิตแปรรูปและจำหน่าย โดยใช้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ว่า “Silaphet Coffee” อาราบิก้า 100 % 


ในการก้าวสู่ ทศวรรษที่ ๗ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมที่จะปฏิบัติงานทั้งที่ได้รับมอบหมายและที่ได้ริเริ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการน้อมนำแนวทางพระราชทานพระราชปณิธาน 5 ประการ เป็นหลักในการดำเนินการด้วยความ เอาใจใส่ ทุ่มเท เสียสละ ทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันนำไปสู่ความสำเร็จลุล่วงในการปฏิบัติภารกิจพัฒนาประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นการพัฒนาศักยภาพของคน ชุมชน และพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งอย่างจริงจังและยั่งยืน มีผลงานประจักษ์ชัด และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบาย“Digital HQ” ของกองบัญชาการกองทัพไทย จะต้องมีการบริหารโครงการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม มี “ธรรมาภิบาล” และ กำลังพลจะต้องยึดถือในแนวทาง ปฏิบัติตนดี ปฏิบัติงานดี ก็จะนำไปสู่การบริหารองค์กรที่ดี เพื่อการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด คือ “จงรักภักดี ปฏิบัติตนดี ปฏิบัติงานดี เพื่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน” 
 
#ข่าว ท.ทหารอดทน

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565

"พลทหาร" ใฝ่ฝันก้าวเป็น "นักเรียนนายสิบ" และก้าวไปสู่ "นักเรียนนายร้อย"

หลายๆคน ยังเข้าใจว่า การเป็นพลทหารนั้น ไม่ได้มีดีอะไรเลย ชีวิตไม่ก้าวหน้า อะไรแบบนี้ใช่มั้ยครับ ในความเป็นจริงแล้ว ขอบอกเลยว่ามีพื้นที่สำหรับคนที่ตั้งใจครับ



หลายตัวอย่าง ที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ เชื่อมั้ยครับ บางคนมาจากคนที่ฐานะทางบ้านลำบากเสียด้วยซ้ำ มาวันนี้ได้เป็นนักเรียนนายร้อย พร้อมที่จะเป็น นายทหารสัญญาบัตร ที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ ไม่เชื่อลองค้นหาใน internet ดูได้  แต่นั่นแหละ ครับ ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ อยู่แล้ว เพราะหลังจากเป็นพลทหาร เราจะต้องสอบโควตาเป็นนักเรียนนายสิบให้ได้ ลักษณะเดียวกัน หากอยากก้าวต่อไปข้างหน้า ก็ต้องตั้งใจเรียนให้ได้ลำดับต้นๆ สอบคัดเลือกไปเรียน โรงเรียนนายร้อย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ได้มาจากอะไร นอกจากความพยายาม ครับ


ในปีนี้มีความพิเศษคือ มีนโยบายใหม่ คือจัดสรรโควต้าให้กับพลทหารที่มีความรู้ มีคุณสมบัติ มีอุดมการณ์ ผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายและการสอบภาควิชาการจากกองทัพภาค และกรมยุทธศึกษาทหารบก ให้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรส่งทางอากาศ และเมื่อจบหลักสูตรดังกล่าวจะสามารถเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบอีกเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทหารในสังกัดกองทัพบกต่อไป หลายๆคน จงใจสมัครเป็นพลทหาร เพื่อโอกาสคว้าถึงดาวเลยก็มีนะครับ... 

 การเป็นทหารไม่ได้แย่อย่างที่คิด การที่แย่เพียงบางคน ทำให้ภาพลักษณ์ทหารทั้งหมดดูแย่เท่านั้นเอง...


 เครดิตบทความ #ทหารหลังกองพัน

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565

เปิดชีวิต น้องก้าน มัคคุเทศก์น้อย ดีใจที่ กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระเมตตา

เฉลิมพระเกียรติ 2 เมษายน – วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาพข่าวเก่าในอดีต
 

หลังจากเมื่อวันที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.22 โดย น้องก้าน ได้มีโอกาสถวายงานเป็นมัคคุเทศก์น้อยตามเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านภูดานกอย
น้องก้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันที่พระองค์เสด็จฯนั้นฝนตก พระองค์ท่านกลัวหนูเปียก พระองค์ท่านทรงกอดหนูเข้าไปหลบฝนด้วย ซึ่งระหว่างพระองค์ท่านเสด็จพระองค์ท่านยิ้มตลอดเวลา หนูดีใจที่พระองค์ท่านทรงมาเยี่ยมพวกหนู หนูรักพระองค์ท่านค่ะ ซึ่งวันนั้นหนูได้ตามเสด็จพระองค์ท่านและกราบบังคมทูลเกี่ยวกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน เช่น การทำปศุสัตว์ การปลูกพืชผักต่างๆ ซึ่งพวกหนูช่วยกันดูแล และขายผลผลิตที่ได้ผ่านสหกรณ์ของโรงเรียนเราค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้หนูเคยเห็นท่านแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น ได้มาเจอพระองค์ท่านก็รู้สึกดีใจมาก
ครูประจำชั้นน้องก้าน เปิดเผยว่า น้องก้านเป็นเด็กร่าเริง ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี คอยให้คำแนะนำเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่าตนเอง และให้ความช่วยเหลือเพื่อนเสมอมา น้องก้านจะมาโรงเรียนแต่เช้า และทุกๆเช้าจะมากวาดห้องเรียน และถามคุณครูอยู่ประจำเสมอว่ามีอะไรที่จะให้น้องก้านช่วยเหลือบ้าง ด้วยความที่โรงเรียนตชด. มีการเรียนการสอนเพราะความเมตตากรุณาของพระองค์ท่าน ซึ่งน้องก้านจะคอยถามอยู่เสมอว่า พระองค์ท่านจะมาเมื่อไหร่ค่ะคุณครู หนูอยากเจอพระองค์ท่าน อยากตามเสด็จพระองค์ท่าน อยากแนะนำโรงเรียน อยากให้พระองค์ท่านได้มาดูแปลงผักของหนู ซึ่งเราเห็นความตั้งใจของน้องตรงจุดหนึ่งที่น้องอยากตามเสด็จพระองค์ท่าน จึงได้เลือกน้องก้าน มาเป็นมัคคุเทศก์ตามเสด็จพระองค์ ซึ่งหลังจากที่ภาพที่พระองค์ท่านทรงประคองน้องก้านหลบฝน น้องก้านก็ปลื้มปีติ ยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับเล่าให้ฟังอยู่ตลอดว่า พระองค์ท่านทรงมีเมตตา ยิ้มอยู่ตลอดเวลา ใจดีกับหนูด้วย ซึ่งเป็นความสุขที่เด็กคนหนึ่งได้รับพระกรุณาจากพระองค์ท่าน
ร.ต.ท.พรหมวุฒิ วุฒิวิวัฒน์ชะ ผอ.ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า สำหรับน้องก้าน เป็นเด็กนักเรียนในศูนย์การเรียน ที่มีมารยาทดี ร่าเริง มีความคิดริเริ่ม กล้าแสดงออก และทางศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จะสนับสนุนน้องก้าน ให้มีการเรียนที่สูงที่สุด ซึ่งตนคิดว่าหลายๆสถาบันคงพร้อมให้ทุนสนับสนุนเด็กนักเรียนจาก ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งทางศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอยากให้น้องก้านได้เรียนต่อในที่ดีๆ และได้ทำตามความฝันที่น้องก้านตั้งใจไว้ในการเป็นครู
น้องก้าน เปิดเผยว่า ถึงแม้จะเป็นบ้านเล็ก แต่น้องก้านรู้สึกอบอุ่นที่มีแม่ พี่สาวอีก 2 คนที่อยู่ด้วยกันกับน้องก้าน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และโตขึ้นหนูก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นครูให้ได้
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก khaosod