วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส ร่วมกับ นอภ.รือเสาะ และ ผบ.ฉก.ทพ.46 มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค แก่ผู้นำศาสนา


เมื่อ 23 เม.ย.63 เวลา 1030 พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส ร่วมกับ นอภ.รือเสาะ และ ผบ.ฉก.ทพ.46 เดินทางลงพื้นที่มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค แก่ผู้นำศาสนาจำนวน 6 ราย ณ มัสยิด บ.ปูโป๊ะ






และจัดรถครัวสนาม ในการทำอาหารกล่องมอบแจกจ่ายพร้อมนม,ขนม ให้กับพี่น้อง ปชช.ในพื้นที่ บ.ปูโป๊ะ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จว.น.ธ. พร้อมเดินมอบแจกจ่ายไปตามครัวเรือนในบริเวณใกล้เคียงอีกหลายครัวเรือน เพื่อเป็นการดูแลให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้อง ปชช.ที่ได้รับผลกระทบมีความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามโครงการ ประชารัฐ ร่วมใจ ต้านภัย COVID-19 ของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ส่งผลทำให้พี่น้อง ปชช.ที่ได้รับมอบการช่วยเหลือดูแล ต่างรู้สึกปลาบปลื้มยินดี ที่มีคณะและหน่วยงานภาครัฐลงมาดูแลให้ความช่วยเหลือในยามมีทุกข์เดือดร้อน ตลอดจนได้นำคณะฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่ บุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.สต.บ้านมือและห์ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จว.น.ธ. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและสามารถนำสิ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มอบให้ไปทำการดูแลรักษาแก่พี่น้อง ปชช.ในพื้นที่ ให้มีสุขภาพดี และปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ต่อไป



วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2563

ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส เข้าร่วมกิจกรรม " พิธีส่งน้องๆกลับภูมิลำเนา "


เมื่อ 13 เม.ย.63 เวลา 0800 พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส เดินทางเข้าร่วมกิจกรรม " พิธีส่งน้องๆกลับภูมิลำเนา " (Home Quarantine) ซึ่งเป็น นศ.ที่เดินทางกลับจากประเทศปากีสถาน จำนวน 76 คน (ช.76) โดยถูกกักตัวเพื่อสังเกตุอาการฯ ตั้งแต่ 29 มี.ค. - 13 เม.ย.63 (ครบ 14 วัน) และได้นำถุงยังชีพไปร่วมมอบให้ทุกคน ณ ศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด จว.นราธิวาส โดยมี นาย เอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานฯ พร้อมด้วย หน.ส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้





ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาส พบปะให้กำลังใจ และมอบหน้ากากป้องกัน ตลอดจนได้ร่วมมอบถุงยังชีพให้ นศ.ทุกคนได้นำกลับไปใช้เมื่อกลับภูมิลำเนาของตนเอง ผลการปฏิบัติทำให้กลุ่ม นศ.ทุกคนรู้สึกขอบคุณ จนท.ทุกภาคส่วนที่ได้ใส่ใจดูแลมาตลอดระยะเวลา 14 วัน และต่างมีขวัญกำลังใจที่ดี ล้วนมีรอยยิ้มมีความสุข ที่แต่ละคนจะได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง หลังจากถูกกักตัวมาครบเวลา 14 วัน และไม่มีผู้ใดป่วย/ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขและปลอดภัย



วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

ผบ.กกล.นเรศวร จัด ฮ.สนับสนุนช่วยเหลือฉุกเฉินทางอากาศ เด็กหญิง อายุเพียง1 เดือน ส่ง รพ.เข้าการรักษาด่วน


เมื่อ 7 เม.ย. 63 เวลา 1400 พล.ต. อุกฤษฎ์ นุตคำแหง ผบ.กกล.นเรศวร ได้สั่งการให้ ชปบ.ทบ.กกล.นเรศวร จัดอากาศยาน ฮ.ท.212 จำนวน 1 เครื่อง เข้าทำการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ เพื่อสนับสนุนทีมแพทย์-พยาบาล “SKY DOCTOR” ของ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้การช่วยเหลือ ด.ญ. พริมา ชัยยุทธวิเศษกุล อายุ 1 เดือน น้ำหนัก 4.7 กก. อยู่บ้านเลขที่ 311 หมู่ 7 บ.หม่องกั๊วะ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จว.ตาก





ด.ญ. มีอาการไข้ หายใจเหนื่อยหอบ เนื่องจากปอดอักเสบและระบบหายใจล้มเหลว มีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดเวลา โดยผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาเบื้องต้นที่ รพ.สต.บ.หม่องกั๊วะฯ แต่เนื่องจาก รพ.ฯ ขีดความสามารถไม่เพียงพอในด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์ ประกอบด้วยในการเดินทางพื้นดินต้องใช้เวลาเดินทางเป็นเวลานานเนื่องจากเส้นทางมีสภาพทุรกันดาร ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด จึงมีความจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.แม่สอด อ.แม่สอด จว.ตาก โดย ผอ.รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และแพทย์อำนวยการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน จึงได้ทำการขออนุมัติสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, กกล.นเรศวร, นายแพทย์สาธารณสุข จว.ตาก ส่งต่อผู้ป่วยโดยทีมแพทย์-พยาบาล “SKY DOCTOR” ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ โดย ฮ.ท.212 ได้ทำการยกตัวจาก สนาม ฮ.ชปบ.ทบ.กกล.นเรศวร ค่ายวชิรปราการ อ.เมืองตาก จว.ตาก ไปยัง สนาม ฮ.ชั่วคราว รร.ตชด.บ.หม่องกั๊วะฯ เพื่อทำการรับตัวผู้ป่วยไปส่งลงยัง สนาม ฮ.ท่าอากาศยานแม่สอด แต่ในขณะลำเลียงผู้ป่วยมีอาการหัวใจหยุดเต้น แพทย์ต้องให้การช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ให้ออกซิเจน ยาและสารน้ำ จนกระทั่งพ้นวิกฤต เวลา 1627 ผู้ป่วยปลอดภัยและได้เข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.แม่สอดฯ เป็นที่เรียบร้อย ฮ.ท.212 จึงทำการยกตัวกลับที่ตั้ง ณ ชปบ.ทบ.กกล.นเรศวร แล้วเสร็จเมื่อเวลา 1735 ผลการปฏิบัติผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยปลอดภัย





วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

ฉก.นราธิวาส คุมเข้มการระบาดโควิด19 ลาดตะเวนทางน้ำชายแดนตากใบ สุไหงโกลก


วันที่ 5 เม.ย.63 พลตรีสมดุลย์ เอี่ยมเอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พันเอกไพศาล หนูสังข์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พลโททวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 พ.อ.ศุภชัย สงสังข์ รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพล ได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตรวจลาดตระเวนเส้นทางทางน้ำ แนวชายฝั่งแนวชายแดนตากใบ-มาเลเซีย ระยะทาง 21 กิโลเมตร (15 ไมล์ทะเล)



นอกจากนี้ยังได้มอบของเยี่ยมบำรุงขวัญ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือพร้อมหน้ากากใส เพื่อใช้ปฏิบัติงาน และเข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน กองร้อยป้องกันชายแดน กำชับคุมเข้มพรมแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส แนะนำแนวทางในการปฏิบัติงานให้กับกำลังพล รวมทั้งได้ชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมเชื้อโควิด - 19 จากบุคคลที่อาจจะลักลอบผ่านเข้า-ออกตามแนวชายแดน ได้ตรวจมาตรการในการป้องกัน และยับยั้งการติดเชื้อ การคัดกรองบุคคลผ่าน เข้า-ออก รวมทั้งตรวจการบันทึกบุคคล ยานพาหนะในการเข้า - ออก และได้ชี้แจงเน้นย้ำกำลังพลให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด



สำหรับสถานการณ์ COVID-19 จากข้อมูลของศูนย์ EOC จังหวัดนราธิวาสเมื่อเวลา 13:00 น. วันนี้ ( 5เม.ย.63)พบผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมเป็น 22 ราย รักษาหาย 5 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่งตรวจทางปฎิบัติการทั้งหมด 335 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์จำนวน 12 ราย โรงพยาบาลสุไหงโกลก 2 ราย โรงพยาบาลระแงะ และ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 1 ราย


กลุ่มภารกิจสื่อสารความเสี่ยง ศูนย์ EOC จ.นราธิวาส ปฏิบัติการเชิงรุก ลงพื้นที่สร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชนในพื้นที่ เฝ้าระวังป้องกันการแพร่กระจายโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 แนะประชาชน " อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ "ติดตามข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยได้จาก กรมควบคมโรค กระทรวงสาธารณสุข สายด่วน 1422 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์ EOC จังหวัดนราธิวาส โทร 073-642637,073-532056-59 ต่อ 123

Cr ..ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563

บุคคล 4 กลุ่ม ที่ลงทะเบียนแล้ว ไม่ได้รับเงิน 5,000 แน่นอน


นายลวรณ แสงสนิท ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าว เปิดเผยว่าหลังจากที่ประชาชนลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เสร็จสิ้นแล้วและได้รับการยืนยันว่า ส่งข้อมูลถูกต้อง ให้รอการตรวจสอบข้อมูลและแจ้งผลกลับไปยังSMSที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไม่ต้องติดต่อกลับมาที่หน่วยงานรัฐ ซึ่งยอมรับว่า เดิมจะใช้เวลาตรวจสอบอย่างเร็วที่สุด 7 วันทำการ เพราะคาดว่าจะมีผู้มาลงทะเบียนประมาณ 10 ล้านคน แต่ล่าสุดตัวเลขไปกว่า 20 ล้านคน ก็อาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบนานกว่าเดิม


นายลวรณ กล่าวว่า งบประมาณที่เตรียมไว้ในโครงการ 45,000 ล้านบาท เพียงพอที่จะจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ 9 ล้านราย ซึ่งหากมีผู้ผ่านคุณสมบัติเกินกว่าที่คาดไว้ 3 ล้านราย การจ่ายเงินช่วยเหลือ ในแต่ละเดือนจะจ่ายเป็นรอบเดียว นั้นหมายความว่าใครที่ได้รับเงินช่วยเหลือ ก็จะได้เหมือนกันหมด ส่วนใครที่ไม่ได้ ก็ไม่ได้เหมือนกัน ในรายที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ หากยืนยันได้ว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจริง ก็จะจ่ายครบนับตั้งแต่เดือนที่ได้ลงทะเบียนไว้


กระทรวงการคลังก็เตรียมของบประมาณเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งยอมรับว่าตัวเลขลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเดิมไม่ได้รวมในส่วนของลูกจ้างประกันสังคมตามมาตรา 39-40 ไว้ ซึ่งมีอยู่กว่า 6 ล้านราย แต่ในจำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ทั้งหมด โดยเกณฑ์การพิจารณาว่าใครจะได้รับสิทธิ์มี 3 เกณฑ์ใหญ่ คือ
1.ต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้าง หรือประกอบอาชีพอิสระ เช่น วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ค้าขาย เป็นต้น แสดงว่าต้องมีงานทำ
2.ต้องไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ส่วนสถานประกอบการขนาดเล็ก มีลูกจ้าง 2 – 3 คน เช่นร้านนวดแผนโบราณ ถ้าร้านถูกปิด แรงงานที่ทำงานในร้านนี้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา
3.ท่านได้รับผลกระทบจากโควิด อย่างไร จะต้องเป็นผลกระทบต่อรายได้ที่เป็นตัวเงิน เพราะมาตรการเป็นการชดเชยรายได้ที่หายไปจากโควิด


ข้อมูลต้องชี้ให้เห็นว่าท่านถูกให้ออก หรือตกงาน รายได้หายไปจากงาน หรือว่าถูกลดวันทำงาน ถูกลดเงินเดือนลง ก็เข้าข่าย หรือสถานประกอบการถูกปิดบางกลุ่มอาชีพที่ชัดเจนว่าได้รับผลกระทบ เช่น แท็กซี่ คนอยู่บ้านมากขึ้นทำให้ลดการเดินทางลง ส่วนคนที่ยังไม่ชัดเจนจะมีการติดต่อสื่อสาร เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล และให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มที่จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น
1.ผู้ได้รับผลกระทบจนทำให้ต้องทำงานที่บ้าน แต่เงินเดือนยังได้ครบ
2.กลุ่มที่ยังทำงาน แต่ยังได้รับเงินเดือนครบเหมือนเดิม
3.กลุ่มที่ตกงานมาเป็นปี หรือตกงานมานาน ก็จะไม่ได้สิทธิ์
4.กลุ่มที่ทำงานในร้านค้าที่ปิดมาก่อนในช่วงที่มีการระบาดของ Covid ก็จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ