วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

‘ม.ล.ปนัดดา’ตรวจเยี่ยมสถานพินิจกาญจน์-มหาชัยให้น้อมนำ’เศรษฐกิจพอเพียง’ครองตนมีสุข

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี และเป็นครูพิเศษ วิชาภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษพื้นฐาน ให้กับเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนฯ โดยมี นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ


สำหรับการเดินทางมาตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ให้คำปรึกษาและสอบถามข้อมูลในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรค ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ซึ่งโดยรวมมีปัญหาเรื่องการใช้น้ำบาดาล จึงทำให้เกิดตะกอนบริเวณท่อน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งให้น้ำไหลช้า ในการนี้ ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูพิเศษสอนวิชาภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษพื้นฐานให้แก่เด็กและเยาวชน สอบถามและแลกเปลี่ยนความคิด โดยขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ หลังจากออกไปแล้ว และกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มีความรักสมัครสมาน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 189 หมู่ 5 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีเด็กและเยาวชน จำนวน 40 ราย แบ่งเป็นชาย 38 ราย และหญิง 2 ราย ซึ่งเด็กและเยาวชนทั้งหมด จะได้รับการฝึกวิชาชีพเบื้องต้น สามารถนำไปต่อยอดในการศึกษาเพิ่มเติมในระดับที่สูงขึ้น และประกอบอาชีพในอนาคต

ม.ล.ปนัดดา ได้กล่าวสรุปผลการประชุมปรึกษาหารือกับผู้บริหารสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี ภายหลังการพบปะกับลูกหลานเยาวชนว่า
 ✨1. ยุทธศาสตร์การใช้พื้นที่ว่างรอบสถานพินิจฯ ซึ่งมีประมาณ 100 ไร่ เพื่อดำเนินการฝึกอาชีพ ด้านการเกษตรให้แก่เด็กและเยาวชน ตามแนวพระราชดําริเศรษฐกิจพอเพียง ให้เขามีความพร้อมในการดำรงชีพ และสามารถเลี้ยงตนเองได้ก่อนกลับสู่สังคม
✨2.การฝึกอาชีพและส่งเสริมอาชีพจากกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม และคณะกรรมการสงเคราะห์ สำหรับเด็กและเยาวชนให้มีส่วนร่วมในการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู เด็กและเยาวชน 
✨3.การจัดกิจกรรมสร้างสุขเพิ่มวินัยให้เยาวชนมีจิตอาสาพัฒนาชุมชน พ้นจากยาเสพติด โดยเป็นยุทธศาสตร์สร้างแรงจูงใจให้กับเยาวชนมุ่งมั่นทำดีมีจิตสาธารณะ ส่งเสริมวินัยให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน ส่งเสริมคุณธรรมความดีให้เกิดขึ้นในใจของเด็กและเยาวชน กิจกรรมกีฬา ดนตรี และพัฒนาระบบห้องสมุด 
✨4. การพัฒนาด้านการศึกษาและกระบวนการบำบัดด้วยการจัดการศึกษาทางสายสามัญและสายการฝึกอาชีพ เช่น การฝึกอาชีพระยะสั้น อาทิ การทำโคมไฟไม้ไผ่ การทำน้ำยาล้างจาน การทำกำไรลูกปัด ตลอดจนวิชาชีพช่างเชื่อมเหล็กพื้นฐาน เพื่อให้เยาวชนสามารถนำไปต่อยอดและประกอบอาชีพได้
✨5. มีระบบการสืบเสาะเสนอรายงานข้อเท็จจริงต่อศาลให้มีความสอดคล้องมากที่สุดเพื่อลดจำนวนเด็กและเยาวชนเข้าสู่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน 
✨6. ยุทธศาสตร์การทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาเด็กและเยาวชนในสถานศึกษากระทำความผิดและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ลดลงตามนโยบายหนึ่งสถานพินิจ 6 สถานศึกษารวมทั้งการติดตามเยาวชนหลังปล่อยกลับคืนสู่สังคมให้มีอาชีพการงาน มีความมั่นคง ไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ
✨7. พัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมทูบีนัมเบอร์วัน เยาวชนต้นแบบเป็นที่หนึ่งไม่พึ่งยาเสพติดโดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจัดทำแผนและการเข้าร่วมประกวดทูบีนัมเบอร์วัน ประจำปี 2561 ซึ่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี เป็นตัวแทนของ จ.กาญจนบุรีในการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
จากนั้นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจราชการต่อ ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้ปฏิบัติหน้าที่ครูพิเศษเช่นกัน และกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมรับราชการมา 37 ปี ผู้บังคับบัญชาหลายท่านเคยเมตตาสอนสั่งอบรมพวกเราซึ่งยังเป็นวัยเริ่มต้นการทำงานในขณะนั้น อยากให้ลูกหลานเยาวชนจดจำไว้ ถือเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ท่านสั่งสอนตักเตือนเสมือนให้ศีลให้พร ด้วยอยากแลเห็นเราเจริญเติบโตเป็นคนดีของสังคมและชาติบ้านเมือง ความผิดนั้นคนเราอาจทำผิดได้ แต่ความผิดนั้น ๆ จะต้องเป็นอุทาหรณ์สอนใจไม่ให้เราทำผิดซ้ำ และ ‘ความผิดกับความชั่วนั้นไม่เหมือนกัน’ ลูกหลานจะประสบความสำเร็จเกิดขึ้นแก่ชีวิตตน สำคัญที่สุด คือ การยึดมั่นหลักคุณธรรมจริยธรรมในการครองตนตราบชั่วชีวิต”


ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น