✨1. ยุทธศาสตร์การใช้พื้นที่ว่างรอบสถานพินิจฯ ซึ่งมีประมาณ 100 ไร่ เพื่อดำเนินการฝึกอาชีพ ด้านการเกษตรให้แก่เด็กและเยาวชน ตามแนวพระราชดําริเศรษฐกิจพอเพียง ให้เขามีความพร้อมในการดำรงชีพ และสามารถเลี้ยงตนเองได้ก่อนกลับสู่สังคม
✨2.การฝึกอาชีพและส่งเสริมอาชีพจากกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม และคณะกรรมการสงเคราะห์ สำหรับเด็กและเยาวชนให้มีส่วนร่วมในการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู เด็กและเยาวชน
✨3.การจัดกิจกรรมสร้างสุขเพิ่มวินัยให้เยาวชนมีจิตอาสาพัฒนาชุมชน พ้นจากยาเสพติด โดยเป็นยุทธศาสตร์สร้างแรงจูงใจให้กับเยาวชนมุ่งมั่นทำดีมีจิตสาธารณะ ส่งเสริมวินัยให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน ส่งเสริมคุณธรรมความดีให้เกิดขึ้นในใจของเด็กและเยาวชน กิจกรรมกีฬา ดนตรี และพัฒนาระบบห้องสมุด
✨4. การพัฒนาด้านการศึกษาและกระบวนการบำบัดด้วยการจัดการศึกษาทางสายสามัญและสายการฝึกอาชีพ เช่น การฝึกอาชีพระยะสั้น อาทิ การทำโคมไฟไม้ไผ่ การทำน้ำยาล้างจาน การทำกำไรลูกปัด ตลอดจนวิชาชีพช่างเชื่อมเหล็กพื้นฐาน เพื่อให้เยาวชนสามารถนำไปต่อยอดและประกอบอาชีพได้
✨5. มีระบบการสืบเสาะเสนอรายงานข้อเท็จจริงต่อศาลให้มีความสอดคล้องมากที่สุดเพื่อลดจำนวนเด็กและเยาวชนเข้าสู่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน
✨6. ยุทธศาสตร์การทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาเด็กและเยาวชนในสถานศึกษากระทำความผิดและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ลดลงตามนโยบายหนึ่งสถานพินิจ 6 สถานศึกษารวมทั้งการติดตามเยาวชนหลังปล่อยกลับคืนสู่สังคมให้มีอาชีพการงาน มีความมั่นคง ไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ
✨7. พัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมทูบีนัมเบอร์วัน เยาวชนต้นแบบเป็นที่หนึ่งไม่พึ่งยาเสพติดโดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจัดทำแผนและการเข้าร่วมประกวดทูบีนัมเบอร์วัน ประจำปี 2561 ซึ่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.กาญจนบุรี เป็นตัวแทนของ จ.กาญจนบุรีในการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
จากนั้นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจราชการต่อ ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้ปฏิบัติหน้าที่ครูพิเศษเช่นกัน และกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมรับราชการมา 37 ปี ผู้บังคับบัญชาหลายท่านเคยเมตตาสอนสั่งอบรมพวกเราซึ่งยังเป็นวัยเริ่มต้นการทำงานในขณะนั้น อยากให้ลูกหลานเยาวชนจดจำไว้ ถือเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ท่านสั่งสอนตักเตือนเสมือนให้ศีลให้พร ด้วยอยากแลเห็นเราเจริญเติบโตเป็นคนดีของสังคมและชาติบ้านเมือง ความผิดนั้นคนเราอาจทำผิดได้ แต่ความผิดนั้น ๆ จะต้องเป็นอุทาหรณ์สอนใจไม่ให้เราทำผิดซ้ำ และ ‘ความผิดกับความชั่วนั้นไม่เหมือนกัน’ ลูกหลานจะประสบความสำเร็จเกิดขึ้นแก่ชีวิตตน สำคัญที่สุด คือ การยึดมั่นหลักคุณธรรมจริยธรรมในการครองตนตราบชั่วชีวิต”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น